มาดามวาเลรี โทแปง – ซีอีโอผู้ลบเลือนริ้วรอยแห่งวัยในวงการความงาม

นิตยสาร BILAN สวิตเซอร์แลนด์ ฉบับเดือนสิงหาคม 2564 หัวข้อ Leaders ผู้เขียน Chantal de Senger

Valérie Taupin - The CEO who is taking the wrinkles out of the beauty market.
Summary

การพบปะกับนักธุรกิจหญิงผู้มีวิสัยทัศน์ ผู้ก่อตั้งหนึ่งในผลิตภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกที่มีส่วนผสมของ
กรดไฮยาลูโรนิกในเมืองเจนีวาเมื่อปี 2546 

 

ในช่วงฤดูร้อนของปีนี้ ผู้คนในเมืองเจนีวาจะสังเกตเห็นป้ายโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์แคมเปญเกี่ยวกับฟิลเลอร์ปากของ
ทีอ๊อกแซน (Teoxane) ซึ่งพิสูจน์ว่าการใช้กรดไฮยาลูโรนิกเพื่อเติมเต็มริ้วรอยหรือเสริมความงามให้ริมฝีปากไม่ใช่เรื่องต้องห้ามอีกต่อไป เมื่ออุตสาหกรรมนี้กำลังเติบโตถึงจุดสูงสุดจุดใหม่ Bilan จึงได้มีโอกาสพบกับผู้ก่อตั้งที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นในเมืองเจนีวาแห่งนี้

มาดามวาเลรี โทแปง ไม่ได้เป็นทายาทผู้รับมรดก แต่เธอคือนักธุรกิจผู้มีวิสัยทัศน์ที่สร้างบริษัทขึ้นมาด้วยการมองการณ์ไกลและพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดอยู่เสมอ โดยยึดมั่นในความเป็นอิสระอย่างแข็งแกร่ง ปัจจุบัน หลังจากดำเนินธุรกิจมาเกือบ 20 ปี เธอได้จ้างงานพนักงานไปกว่า 460 คน ซึ่งประกอบด้วยพนักงาน 220 คนในเมืองเจนีวา และบริหารบริษัทที่เป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกด้านผลิตภัณฑ์กรดไฮยาลูโรนิกและฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย 

หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ในช่วงปลายทศวรรษ 1980 มาดามวาเลรี โทแปง ได้ศึกษาต่อในสถาบันด้านบริหารธุรกิจ งานแรกที่เธอได้ทำให้เธอต้องเดินทางไปยังเมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนี ซึ่งเธอทำงานให้กับผู้ผลิตเสื้อผ้าชนิดสั่งทำพิเศษสำหรับผู้ที่ประสบอุบัติเหตุไฟไหม้รุนแรงและผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดดูดไขมัน ความกล้าหาญและ
ความมุ่งมั่นของมาดามวาเลรี โทแปง ปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัดเมื่อเธอใช้เวลาเป็นชั่วโมงในการค้นหาข้อมูลจากสมุดโทรศัพท์เพื่อติดต่อหาลูกค้ารายใหม่ และสร้างตลาดขึ้นมาใหม่จากศูนย์ – โดยที่ยังพูดภาษาเยอรมันได้ไม่ค่อยคล่องในช่วงแรก ประเทศเยอรมนีจึงเป็นสถานที่ที่เธอได้เรียนรู้ค่านิยมของความเข้มงวด ความพยายาม และการรักษาคำพูดที่ให้ไว้

ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 เธอได้พบกับบุคคลสำคัญที่เปลี่ยนแปลงเส้นทางชีวิตของเธอ นั่นคือศัลยแพทย์ตกแต่งที่มีชื่อเสียง
ผู้เพิ่งคิดค้นผลิตภัณฑ์สำหรับเติมเต็มริ้วรอยขึ้นมาได้ไม่นาน โดยเขาได้ขอให้มาดามวาเลรี โทแปง ช่วยทำการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ซึ่งตลาดในวงการความงามขณะนั้นยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ให้บริการฉีดผลิตภัณฑ์เติมเต็มริ้วรอย ฉันต้องพัฒนาและทำให้ตลาดที่ยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเติบโตขึ้นให้ได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่สิ่งนี้ก็นำพาฉันให้เข้าสู่เส้นทางอาชีพในอุตสาหกรรมนี้

การควบคุมทุกขั้นตอนอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่การออกแบบจนถึงการนำไปใช้จริง 

 

ในปี 2536 ซึ่งมาดามวาเลรี โทแปง มีอายุเพียง 26 ปี เธอได้เริ่มต้นธุรกิจของตนเองในการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ในประเทศฝรั่งเศส และด้วยเครือข่ายที่เธอสร้างขึ้น ประเทศเยอรมนีจึงกลายเป็นตลาดหลักสำหรับการส่งออกจำนวนมาก หลังจากนั้นเธอจึงได้สร้างแบรนด์ Juvederm ขึ้นมา ซึ่งเป็นแบรนด์ที่สามารถสร้างส่วนแบ่งตลาดที่สำคัญได้ภายในระยะเวลาอันสั้น "เรามีนวัตกรรมที่โดดเด่น ซึ่งทำให้ผลิตภัณฑ์ของเราได้รับความสนใจจากกลุ่มแพทย์หลายท่าน อีกทั้งยังมอบข้อเสนอใหม่ที่น่าดึงดูดใจ"

ในปี 2546 มาดามวาเลรี โทแปง ได้สิ้นสุดการดำเนินธุรกิจร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจของเธอและก่อตั้งบริษัททีอ๊อกแซน (Teoxane) ขึ้น โดยนักธุรกิจสาวผู้นี้ได้ตัดสินใจก่อตั้งบริษัทขึ้นบนถนนรู เดอ ลียง ที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งยังคงเป็นที่ตั้งของบริษัทดังกล่าวอยู่ในปัจจุบัน เมื่อฉันก่อตั้งทีอ๊อกแซน (Teoxane) ฉันเริ่มต้นจากการไม่มีอะไรและรู้ดีว่าฉันต้องการอะไร ฉันไม่อยากทำงานร่วมกับคนกลางที่มารับช่วงอีกต่อไป และที่สำคัญที่สุด ฉันต้องการควบคุมตั้งแต่การออกแบบและการผลิตผลิตภัณฑ์ของตัวเองอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้ทั้งความคล่องตัวและศักยภาพในการพัฒนานวัตกรรม ในช่วงสองปีแรกนับเป็นช่วงเวลาที่ทั้งน่าตื่นเต้นและน่ากังวล เนื่องจากเป็นการแข่งขันกับเวลา

นอกจากนั้น ภาระค่าใช้จ่ายคงที่ในการดำเนินธุรกิจก็เริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ และด้วยการทำงานร่วมกับที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ และทีมงานที่ฉันเพิ่งรับเข้ามาทำงาน ในตอนนั้นฉันจึงอยู่ระหว่างการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ จัดตั้งกระบวนการผลิต และดำเนินการขออนุมัติและจดทะเบียนผลิตภัณฑ์ ซึ่งทำให้เราสามารถนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดได้

เครือข่ายลูกค้าในต่างประเทศที่เธอได้สร้างขึ้นในช่วงปีแรก ๆ กลายเป็นกลุ่มลูกค้าที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับเธอ ทำให้เธอสามารถลงนามสัญญาตัวแทนจำหน่ายกับตลาดทั่วโลกจำนวนมากได้ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น เมื่อเราเริ่มต้นธุรกิจ ความสามารถในการผลิตของเรายังคงถูกจำกัดเนื่องจากยังไม่มีระบบการทำงานแบบอัตโนมัติ เราต้องเผชิญกับปัญหาด้านการตอบสนองต่อความต้องการของตลาด การพัฒนากระบวนการผลิตของเราให้อยู่ในระดับอุตสาหกรรมจึงกลายเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก

มาดามวาเลรี โทแปง ยังคงทุ่มเทให้กับธุรกิจต่อไป เธอได้เปิดตัวสูตรผลิตภัณฑ์สองตัวแรกที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ในปี 2549 ตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์เพิ่มความอวบอิ่มเริ่มเติบโตขึ้น คู่แข่งรายหนึ่งของทีอ๊อกแซน (Teoxane) ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ต้องฉีดด้วยเข็มปลายทู่ (Cannula) ซึ่งค่อนข้างหนาและทำให้เกิดรอยแผลเป็น ฉันมีความรู้สึกว่าตลาดนี้มีศักยภาพใน
การเติบโตอย่างมาก และเราสามารถทำได้ดีกว่าเพื่อแก้ไขปัญหานี้” ด้วยเหตุนี้จึงนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ Ultra Deep ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เพิ่มความอวบอิ่มที่ใช้วิธีการฉีดเช่นกัน แต่ผลิตภัณฑ์ Ultra Deep ของทีอ๊อกแซน (Teoxane) มีความแตกต่างจากคู่แข่งด้วยการใช้เข็มฉีดที่บางมาก ซึ่งไม่ทำให้เกิดรอยแผลใด ๆ พร้อมกันนั้น ทีอ๊อกแซน (Teoxane) ยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Kiss ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความอวบอิ่มให้แก่ริมฝีปากด้วยเช่นกัน ผลิตภัณฑ์นี้ช่วยกระตุ้นยอดขายและเพิ่มชื่อเสียงของบริษัท โดยในปัจจุบันผลิตภัณฑ์เพิ่มความอวบอิ่มอย่าง Ultra Deep ยังคงเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดของเรา

การมุ่งสู่ความงามอันน่าดึงดูดใจ

 

นอกจากนี้ ทีอ๊อกแซน (Teoxane) ยังเป็นบริษัทแรกที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์เพื่อแก้ไขปัญหารอยคล้ำใต้ดวงตาอีกด้วย ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ Redensity ยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดอันดับหนึ่งของเราและกลายเป็นมาตรฐานในวงการ” อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ผู้ก่อตั้งทีอ๊อกแซน (Teoxane) ได้ทำลายขีดจำกัดทางการแพทย์แบบดั้งเดิมและมอบสัมผัสแห่งความหรูหราให้กับผลิตภัณฑ์สำหรับแพทย์ โดยการสร้างแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์ในบรรจุภัณฑ์สีชมพูและสีม่วง พร้อมทั้งนำเสนอภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์่ผ่านใบหน้าของหญิงสาวที่สวยสะกดสายตา

แพทย์จำนวนมากเริ่มนำเทคโนโลยีใหม่ไปปรับใช้และเริ่มให้บริการฉีดฟิลเลอร์มากขึ้น มาดามวาเลรี โทแปง ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการฝึกอบรมด้านการฉีดฟิลเลอร์ เธอจึงก่อตั้งสถาบัน Teoxane Academy ซึ่งนำโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยมีสถาบันตั้งอยู่บนถนนรู เดอ ลียง เมืองเจนีวา และยังขยายออกไปยังเมืองหลัก ๆ ในตลาดส่งออกของทีอ๊อกแซน (Teoxane) ตลอดจนการฝึกอบรมผ่านระบบดิจิทัลอีกด้วย ส่งผลให้มีแพทย์กว่า 20,000 คนได้รับการฝึกอบรมด้านการฉีด
ฟิลเลอร์ในระยะเวลาเพียง 12 เดือนที่ผ่านมา

แม้ว่าจะเกิดการแข่งขันสูงจากบริษัทขนาดใหญ่ แต่บริษัทที่ก่อตั้งขึ้นในเมืองเจนีวาแห่งนี้คาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถเติบโตได้ถึง 35% ในปีนี้ โดยอาจมีรายได้ใกล้เคียง 220 ล้านฟรังก์สวิส (239.62 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ทีอ๊อกแซน (Teoxane) วางแผนที่จะลงทุนเกือบ 30 ล้านฟรังก์สวิสในช่วง 3 ปีข้างหน้าสำหรับสำนักงานที่ตั้งอยู่ในเมืองเจนีวา ซึ่งจะประกอบด้วยห้องปฏิบัติการและโรงงานผลิต โดยจะมีการจ้างงานใหม่ 70 ตำแหน่งในปี 2564สิบเจ็ดปีหลังการก่อตั้งทีอ๊อกแซน (Teoxane) ฉันยังคงยึดมั่นต่อค่านิยมพื้นฐานของบริษัทอันได้แก่ ความเป็นเลิศ นวัตกรรม และอิสรภาพ โดยรากฐานเหล่านี้เองที่เป็นต้นกำเนิดของวัฒนธรรมของทีอ๊อกแซน (Teoxane) ที่ยังคงความแข็งแกร่งไว้เสมอมา ในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูงเป็นอย่างมากนี้ เราภูมิใจที่ได้เป็นบริษัทสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ที่มีความเป็นอิสระและเป็นหนึ่งในผู้นำตลาด อีกทั้งเราจะยังคงส่งมอบโซลูชันด้านการชะลอวัยที่มีประสิทธิภาพและความหรูหรามากยิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้าของเราต่อไป”

มูลค่าของทีอ๊อกแซน (Teoxane)

 

ยอดขาย 220 ล้านฟรังก์สวิส (239.62 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2564

คาดกรณ์การเติบโตที่ 35% สำหรับปี 2564

พนักงานจำนวนกว่า 460 คน โดยมีพนักงาน 220 คนในเมืองเจนีวา

ครอบครองสิทธิบัตร 16 รายการ

สูตรผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายกว่า 25 สูตร

ส่งออกฟิลเลอร์กว่า 20,000 หลอดไปยังอีก 90 ประเทศในแต่ละวัน

พื้นที่สำนักงานขนาด 7,500 ตารางเมตร (หรือประมาณ 81,000 ตารางฟุตบนถนนรู เดอ ลียง ในเมืองเจนีวา

ความนิยมฟิลเลอร์ปากในกลุ่มมิลเลนเนียล 

 

ในตลาดผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิก การเพิ่มความอวบอิ่มให้แก่ริมฝีปากกำลังเป็นที่นิยม อีกทั้งยังเป็นกระแสที่มีผู้คนหลากหลายรุ่นให้ความสนใจ ทว่าจากงานประชุมด้านความงามผิวหนังและศัลยกรรมตกแต่ง IMCAS Global Market Summit ประจำปี 2562 พบว่ากลุ่มมิลเลนเนียล (อายุ 20 ถึง 29 ปี) มีความต้องการเพิ่มขึ้น 32% นับตั้งแต่ปี 2553 โดยได้รับอิทธิพลจากบุคคลที่มีชื่อเสียงและสื่อสังคมออนไลน์อย่างชัดเจน การมีริมฝีปากที่อวบอิ่มกลายเป็นปรากฏการณ์แฟชั่นที่เริ่มต้นตั้งแต่ หรือ 5 ปีที่แล้วจากกระแสการถ่ายรูปเซลฟี่” นายแพทย์ Thierry Bezzola ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่ง ศัลยกรรมเสริมสร้าง และศัลยกรรมความงามจากสมาคมการแพทย์สวิส (FMH) ในเมืองเจนีวากล่าวยืนยัน แม้จะมีวิกฤต
โรคระบาดอย่างโควิด-19 ความต้องการในการดูแลความงามเหล่านี้ก็ยังคงสูงมากในกลุ่มบุคคลที่อายุต่ำกว่า 30 ปี โดยการดูแลรูปลักษณ์ภายนอกถือเป็นหนึ่งในลำดับความสำคัญสูงสุดของกลุ่มมิลเลนเนียลตามผลการสำรวจของ AAFPRS ฝ่ายวิจัยตลาดระดับโลกของ ทีอ๊อกแซน (Teoxane) ยังเผยผลการสำรวจที่พบว่า 71% ของกลุ่มมิลเลนเนียลมีความคิดที่จะฉีดฟิลเลอร์ปากสักครั้งหนึ่ง และ 90% ของคนที่เคยฉีดฟิลเลอร์ปากมาแล้วมีแผนที่จะฉีดฟิลเลอร์ปากซ้ำอีก นอกจากนี้ธุรกิจด้านการดูแล
ความงามยังเป็นธุรกิจที่สร้างผลกำไรได้เป็นอย่างมากสำหรับแพทย์ โดยนายแพทย์ Thierry Bezzola ได้กล่าวยืนยันว่า หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้แพทย์จำนวนมากเริ่มหันมาให้บริการฉีดฟิลเลอร์นั่นเพราะเป็นบริการที่สามารถทำกำไรได้ดีมาก” ขณะเดียวกันก็ยังมีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่สนับสนุนการไม่ใช้กระบวนการปรับปรุงเสริมแต่งด้วยเช่นกัน โดยคุณ Claudine Burton-Jeangrois นักสังคมวิทยาและอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเจนีวากล่าวว่า สิ่งเหล่านี้ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับบรรทัดฐานที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละบุคคล